

5 วันที่ผ่านมายาว 2 นาที

ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของภาคเกษตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม โดยคาดว่ามูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของประเทศจะสูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 ประเทศไทยจึงเร่งนำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะและโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืนมาใช้ เพื่อรับมือกับปัญหาการลดลงของผลผลิตและความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น
งานประชุมสุดยอดประจำปีด้านเกษตรกรรมและพืชไร่ ครั้งที่ 7 (7th Annual Agriculture and Plantations Summit) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 23–24 กรกฎาคม 2025 ณ โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพฯ สุขุมวิท ได้รวบรวมผู้นำจากทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เน้นย้ำนวัตกรรม และร่วมกำหนดอนาคตของการเกษตร โดยหนึ่งในผู้ร่วมงานหลักคือ KOLTIVA บริษัทแอกริเทคแนวหน้า ผู้ขับเคลื่อนห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ KOLTIVA มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งการพัฒนาแบบดิจิทัลและการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงกำลังช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเติบโตได้ในระบบนิเวศที่ซับซ้อนมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของภาคเกษตรกรรมไทย
KOLTIVA: ผู้นำด้านการตรวจสอบย้อนกลับ ความยั่งยืน และการเสริมพลังเกษตรกรในไทยและเอเชียแปซิฟิก
กรุงเทพฯ กับบทบาทในฐานะศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค
เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดงานประชุมสุดยอดด้านเกษตรกรรมและพืชไร่
บทสรุป: KOLTIVA ผู้นำการปฏิวัติการเกษตรดิจิทัลในประเทศไทย
ภาคเกษตรยังคงเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย โดยเป็นแหล่งรายได้หลักของประชากรจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรกำลังเผชิญกับการลดลงของผลผลิตในระยะยาวจากการเสื่อมโทรมของที่ดิน การขยายตัวของเมือง การขาดแคลนแรงงาน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อรับมือกับปัญหาเหล่านี้ ประเทศไทยจึงอยู่ระหว่างการปฏิวัติทางดิจิทัล ด้วยการผสานเทคโนโลยี Internet of Things (IoT), ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) เข้ากับระบบเกษตรกรรม เพื่อเพิ่มผลผลิต บริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ
ตลาดอุปกรณ์การเกษตรในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตที่อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 5.91% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการพัฒนาภาคเกษตร ขณะเดียวกันตลาด AI สำหรับภาคเกษตรในประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 110 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2029
เมื่อประเทศไทยเร่งผลักดันการพัฒนาสู่การเกษตรอัจฉริยะและยั่งยืน งานประชุมอย่าง Agriculture and Plantations Summit จึงมีความสำคัญยิ่งในการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค ถ่ายทอดความรู้ และขยายเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตร ตั้งแต่ฟาร์มรายย่อยไปจนถึงไร่ขนาดใหญ่
KOLTIVA เป็นบริษัทเทคโนโลยีการเกษตรที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีบทบาทสำคัญในระบบเกษตรกรรมของเอเชียแปซิฟิก โดยมีการดำเนินงานในอินโดนีเซีย เวียดนาม และล่าสุดในประเทศไทย KOLTIVA ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบครบวงจรที่ช่วยให้เกษตรกรรายย่อย ธุรกิจการเกษตร และภาครัฐ สามารถตรวจสอบ ควบคุม และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตรได้
KoltiTrace แพลตฟอร์มหลักของ KOLTIVA คือระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ที่เชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนถึงชั้นวางสินค้า ด้วยเทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ (Geospatial Intelligence), การเก็บข้อมูลผ่านมือถือ และแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ ติดตามความเสี่ยงจากการตัดไม้ทำลายป่า และปฏิบัติตามข้อกำหนดสากล เช่น กฎระเบียบด้านการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
ในประเทศไทย KOLTIVA ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาค ยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน โดยนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้เพื่อยกระดับความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน และขับเคลื่อนการเติบโตแบบครอบคลุม ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศด้าน เกษตรยั่งยืน เศรษฐกิจ BCG และการเสริมสร้างพลังเกษตรกร
หนึ่งในไฮไลต์ของงานประชุมครั้งนี้คือการบรรยายของ คุณซินณภา บุญสุ ผู้จัดการโปรแกรมจาก KOLTIVA ในหัวข้อ:
"เสริมความยืดหยุ่นของไร่และการตรวจสอบย้อนกลับด้วยเทคโนโลยี: ปลดล็อกคุณค่าในห่วงโซ่อุปทาน"
คุณซินณภามีประสบการณ์ยาวนานด้านการจัดการโปรแกรม นวัตกรรมด้านการเกษตร และการแปลงข้อมูลในห่วงโซ่อุปทานสู่ดิจิทัลทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอมีบทบาทสำคัญในการนำโซลูชันของ KOLTIVA มาใช้ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจเกษตรใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความยั่งยืน และปรับตัวต่อสภาพอากาศ
ประเด็นที่เธอจะนำเสนอประกอบด้วย:
การใช้ AI และการติดตามผ่านดาวเทียมเพื่อป้องกันการสูญเสียผลผลิต
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของเกษตรกรไทย
การใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการปฏิบัติตามมาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก
กรณีศึกษาจริงจากโครงการของ KOLTIVA ในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นี่คือโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานด้านเกษตร เสริมสร้างความพร้อมในการปฏิบัติตามข้อกำหนด และขยายผลกระทบด้านความยั่งยืน
กรุงเทพฯ กำลังกลายเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านนวัตกรรมการเกษตร ด้วยระบบนิเวศของสตาร์ทอัพด้านเกษตร แล็บวิจัย และสถาบันการศึกษาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไทยได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐานด้าน agri-tech และ smart farming ทำให้กรุงเทพฯ เป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานประชุมระดับนานาชาติ เช่น Agriculture and Plantations Summit
การมีส่วนร่วมของ KOLTIVA ในงานประชุมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภาคเกษตรของประเทศไทย ผ่านความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคธุรกิจ และสหกรณ์เกษตร เพื่อถ่ายทอดความรู้ เสริมสร้างศักยภาพ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สนับสนุนความยั่งยืนในระยะยาว
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารธุรกิจเกษตร ผู้นำสหกรณ์ หรือผู้ให้บริการเทคโนโลยี งานประชุมครั้งนี้มอบโอกาสอันมีค่าให้คุณได้เรียนรู้เกี่ยวกับ:
อนาคตของไร่อัจฉริยะและการเกษตรเชิงฟื้นฟู
แนวทางการขยายโซลูชันด้านความยั่งยืนทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กรณีศึกษาจากประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
โซลูชันเพื่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเข้าถึงตลาด
เครื่องมือดิจิทัลที่เพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการตรวจสอบ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมยังสามารถพบปะกับผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าอย่าง คุณซินณภา บุญสุ ชมการสาธิตเทคโนโลยี และเข้าร่วมโต๊ะกลมเชิงปฏิบัติการที่มุ่งแก้ไขความท้าทายสำคัญของภาคการเกษตร
เมื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เดินหน้าไปสู่การเกษตรที่ยั่งยืนและขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี KOLTIVA คือหนึ่งในผู้บุกเบิกที่อยู่แถวหน้า ด้วยบทบาทที่แข็งแกร่งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย KOLTIVA กำลังเสริมพลังให้เกษตรกร ธุรกิจเกษตร และภาครัฐร่วมกันสร้างระบบอาหารที่ยืดหยุ่น ตรวจสอบย้อนกลับได้ และครอบคลุมทุกภาคส่วน
งานประชุมสุดยอดประจำปีด้านเกษตรกรรมและพืชไร่ ครั้งที่ 7 ถือเป็นเวทีสำคัญในการเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อย่าพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้จากผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง คุณซินณภา บุญสุ และค้นพบวิธีการยกระดับไร่ของคุณให้พร้อมรับมือกับอนาคตผ่านนวัตกรรม
พบกันวันที่ 23–24 กรกฎาคม 2025 ที่กรุงเทพฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอนาคตการเกษตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้เขียน: กุศิ อายู ปุตรี จันทริกา สารี, ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารเพื่อความยั่งยืน
เกี่ยวกับผู้เขียน:กุศิ อายู ปุตรี จันทริกา สารี ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและโซเชียลมีเดียของ KOLTIVA มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในสายงานสื่อสาร พร้อมความหลงใหลในเรื่องความยั่งยืน เทคโนโลยี และการเกษตร ด้วยทักษะที่แข็งแกร่งในการเล่าเรื่องและสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่นในทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล
ความคิดเห็น