top of page

ส่งเสริมการเกษตรอย่างยั่งยืนด้วยระบบตรวจสอบย้อนกลับทางการเกษตร: KOLTIVA แบ่งปันมุมมองในงาน AAI–PISAgro Agribusiness Talk

บทสรุปผู้บริหาร

  • หตุใดระบบตรวจสอบย้อนกลับจึงมีความสำคัญการตรวจสอบย้อนกลับเป็นพื้นฐานของการเกษตรอย่างยั่งยืน ช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ลดความเสี่ยง เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดสิทธิแรงงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคด้วยความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร

  • ระบบนิเวศเทคโนโลยีของ Koltiva สำหรับธุรกิจเกษตรระบบดิจิทัลแบบบูรณาการของ Koltiva ที่มี KoltiTrace เป็นหัวใจหลัก สนับสนุนธุรกิจเกษตรและบรรษัทข้ามชาติด้วยการเก็บข้อมูลเรียลไทม์ แผนที่ภูมิสารสนเทศ การติดตามธุรกรรม และการรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด เครื่องมือนี้ช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล เช่น ข้อกำหนด EUDR ยืนยันว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า และมีความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานอย่างลึกซึ้ง

  • เสริมพลังให้กับผู้มีส่วนร่วมในชนบทด้วย KoltiSkills และ KoltiPayKoltiva ผสานเทคโนโลยีกับบริการภาคสนาม KoltiSkills มอบการฝึกอบรมด้านการเกษตรอย่างยั่งยืนและความรู้ดิจิทัล ส่วน KoltiPay ให้เกษตรกรเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล สินเชื่อขนาดเล็ก และประกันภัย เพื่อเพิ่มรายได้และความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ

  • ในยุคเกษตรอาหารที่ซับซ้อนมากขึ้น การตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความยั่งยืน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการเสริมพลังให้เกษตรกร

  • ในวันที่ 28 มิถุนายน 2025 Ainu Rofiq ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการของ Koltiva ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์และประสบการณ์จริงในงาน AAI–PISAgro Agribusiness Talk ภายใต้หัวข้อ "การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร" ณ มหาวิทยาลัยปัญจะภักดิ์ โดยมีผู้เข้าร่วมจากแวดวงวิชาการ นักศึกษา และภาคอุตสาหกรรม


สารบัญ

  • บทสรุปผู้บริหาร

  • เวทีความร่วมมือเพื่อเสริมความเข้มแข็งเกษตรยั่งยืน

  • ทำไมระบบตรวจสอบย้อนกลับจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป

  • ระบบดิจิทัลของ Koltiva: เสริมพลังทั้งห่วงโซ่คุณค่า

  • KoltiTrace: ระบบตรวจสอบย้อนกลับแบบครบวงจร

  • KoltiPay: บริการการเงินเพื่อพื้นที่ชนบท

  • KoltiSkills: การพัฒนาองค์ความรู้และการฝึกอบรมภาคสนาม

  • กรณีศึกษา: การปฏิบัติตามข้อกำหนด EUDR ด้วยข้อมูลและความแม่นยำ

  • เชื่อมช่องว่างระหว่างภาควิชาการและอุตสาหกรรม

  • มุ่งสู่อนาคต: สร้างระบบอาหารที่ยืดหยุ่นไปด้วยกัน


ในโลกของอาหารและการเกษตรที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ระบบการตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ — มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความยั่งยืน ความสอดคล้องตามข้อกำหนด และการเสริมพลังให้กับเกษตรกร


เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2025 คุณไอนู รอฟิก ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท Koltiva ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์และประสบการณ์จริงจากภาคสนามของ Koltiva ในงานเสวนา AAI–PISAgro Agribusiness Talk ภายใต้หัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร” ซึ่งจัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเกษตรอินโดนีเซีย (AAI) และ PISAgro ณ มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี โดยเป็นงานรูปแบบไฮบริดที่รวบรวมทั้งนักวิชาการ นักศึกษา และผู้มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น


เวทีความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างการเกษตรอย่างยั่งยืน

งานเสวนานี้จัดขึ้นโดยสมาคมอุตสาหกรรมเกษตรอินโดนีเซีย (AAI) ร่วมกับเครือข่ายการเกษตรยั่งยืนแห่งอินโดนีเซีย (PISAgro) ภายใต้โครงการ Agribusiness Talk Series อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกิจกรรมแบบไฮบริด จัดทั้งแบบออนไลน์และที่คณะเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงแวดวงวิชาการกับภาคอุตสาหกรรม ผ่านการเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติงานจริงมาแบ่งปันประสบการณ์แก่กลุ่มนักศึกษาและผู้ประกอบการในภาคเกษตรกรรม


ภายใต้หัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร” (Pemanfaatan Teknologi Ketertelusuran dalam Pengembangan Industri Pertanian) งานเสวนานี้มุ่งเน้นที่แนวทางแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติที่ช่วยให้อุตสาหกรรมเกษตรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่นและผู้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทาน


ตัวแทนจาก Koltiva คือ คุณไอนู รอฟิก ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท ซึ่งนำเสนอประสบการณ์กว่า 10 ปีในด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน ระบบตรวจสอบย้อนกลับดิจิทัล และนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทาน



เหตุใดการตรวจสอบย้อนกลับจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป

ระบบการตรวจสอบย้อนกลับคือรากฐานของห่วงโซ่อุปทานการเกษตรที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น ช่วยให้สามารถติดตามสินค้าเกษตรทุกชนิด — ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ ฝักโกโก้ ยางพารา ไปจนถึงน้ำมันปาล์ม — จากแหล่งกำเนิดในระดับแปลงเกษตร ไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง การมองเห็นข้อมูลแบบครบถ้วนนี้ช่วยให้องค์กรสามารถ:

  • ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

  • ส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและการค้าที่เป็นธรรม

  • ลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน

  • เพิ่มผลผลิต คุณภาพ และรายได้ของเกษตรกร


ระบบการตรวจสอบย้อนกลับช่วยให้มีความโปร่งใสเต็มรูปแบบเกี่ยวกับ “ที่มา” และ “กระบวนการผลิต” ของสินค้าเกษตรจากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการปฏิบัติตามข้อกำหนดระหว่างประเทศ เช่น กฎระเบียบด้านการตัดไม้ทำลายป่าแห่งสหภาพยุโรป (EUDR) และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการความโปร่งใส


เมื่อฝังระบบตรวจสอบย้อนกลับไว้ในห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตร องค์กรสามารถ:

  • รับรองการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน

  • แสดงความมุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม พร้อมลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การเลือกปฏิบัติทางเพศ ค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย การละเมิดสิทธิในที่ดิน การไม่ขอความยินยอมอย่างมีข้อมูล แรงงานข้ามชาติ เป็นต้น

  • เพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานต่อความเสี่ยง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ การฉ้อโกงในสินค้าเกษตร การปะปนของผลิตภัณฑ์ การจำกัดการเข้าถึงตลาด และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ

  • ยกระดับคุณภาพสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างรายได้ที่ดีขึ้นให้กับผู้ผลิต

  • ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ เช่น กฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป


Advancing Sustainable Farming Through Traceability: KOLTIVA Shares Insights at the AAI–PISAgro Agribusiness Talk

คุณไอนูเน้นย้ำว่า ระบบการตรวจสอบย้อนกลับไม่ใช่เพียงเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดเท่านั้น — แต่เป็นเส้นทางสู่การสร้าง ความไว้วางใจ การส่งเสริม การค้าที่เป็นธรรม และการเปิด โอกาสการเข้าถึงตลาด ให้กับเกษตรกร


ในช่วงนำเสนอของเขา คุณไอนูได้อธิบายว่า ชุดเทคโนโลยีแบบบูรณาการของ Koltiva ทั้งในรูปแบบซอฟต์แวร์และภาคสนาม สามารถช่วยให้ธุรกิจและเกษตรกรมีเครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ครอบคลุมทุกภาคส่วน และ โปร่งใส


คุณไอนูเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า KoltiTrace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตรวจสอบย้อนกลับหลักของ Koltiva ช่วยเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเกษตรจากระบบเอกสารแบบเดิมไปสู่ความโปร่งใสดิจิทัลอย่างไร ด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องมือบนมือถือและเว็บไซต์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ลงพื้นที่จริง Koltiva ได้ทำการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้วกว่า 1.9 ล้านรายใน 65 ประเทศ โดยมีมากกว่า 542,000 รายในประเทศอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียว


ฟาร์มที่ถูกบันทึกไว้นี้ไม่ได้เพียงแค่เก็บข้อมูลในระบบเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับประวัติการทำธุรกรรม ข้อมูลคุณภาพสินค้า และแปลงเกษตรที่มีพิกัดภูมิศาสตร์อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ช่วยสนับสนุนผู้ซื้อระหว่างประเทศและสหกรณ์ท้องถิ่นในการพิสูจน์แหล่งวัตถุดิบที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป และสามารถตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตคุณภาพสูงไปยังเกษตรกรที่มีความรับผิดชอบได้โดยตรง

นี่คือความโปร่งใสที่เชื่อถือได้ — และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง


KoltiTrace: ชุดโซลูชันตรวจสอบย้อนกลับดิจิทัลที่ครอบคลุม ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ถึงโต๊ะอาหาร

หัวใจสำคัญของระบบนิเวศดิจิทัลของ KOLTIVA คือ KoltiTrace แพลตฟอร์มตรวจสอบย้อนกลับเรือธงของเรา ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อแปลงกระบวนการจัดการข้อมูลในห่วงโซ่อุปทานการเกษตรจากระบบกระดาษแบบกระจัดกระจายให้เป็นข้อมูลดิจิทัลแบบเรียลไทม์ที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร


ด้วย KoltiTrace เราได้:

  • ทำแผนที่เกษตรกรกว่า 1.9 ล้านรายใน 65 ประเทศ รวมถึง มากกว่า 542,000 รายในอินโดนีเซีย

  • เก็บข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับ แปลงเกษตร ประวัติการทำธุรกรรม คุณภาพของผลผลิต และ พิกัดภูมิศาสตร์

  • เชื่อมโยงแต่ละแปลงกับ โปรไฟล์เกษตรกรรายบุคคล ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับในระดับแปลงเกษตรได้


สิ่งที่ทำให้ KoltiTrace โดดเด่นไม่ใช่แค่ ขนาดของข้อมูล แต่คือ ความลึก และ ความน่าเชื่อถือที่ตรวจสอบได้ ของข้อมูลเหล่านั้น ด้วยการผสานการใช้ เทคโนโลยีตรวจจับระยะไกล (Remote Sensing) แอปภาคสนามบนมือถือ และ การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ KoltiTrace ช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลทุกจุด — ไม่ว่าจะเป็น ฝักโกโก้ ยางก้อน หรือ ทะลายปาล์มน้ำมัน — กลับไปยังแหล่งที่มาได้อย่างมั่นใจ


คุณไอนูได้ยกตัวอย่างที่ชัดเจนและน่าประทับใจว่า ระบบตรวจสอบย้อนกลับนี้สามารถสนับสนุน ผู้ประกอบการเกษตร ธุรกิจท้องถิ่น บริษัทข้ามชาติ (MNC) โรงงานแปรรูป ซัพพลายเออร์ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อ และ สหกรณ์ อย่างไร ในการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบว่า ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบตามกระบวนการ (due diligence) และสร้าง ความไว้วางใจ กับตลาดปลายน้ำและผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม

“ฟาร์มที่เราทำแผนที่ไว้ ไม่ใช่แค่จุดข้อมูลในระบบ” คุณไอนูกล่าว “แต่มันคือหลักฐานที่มีชีวิตของการทำเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบ ความโปร่งใสที่คุณไว้วางใจได้ — และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้จริง”

KoltiTrace ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการติดตาม แต่เป็นเครื่องมือ เสริมพลัง ให้กับห่วงโซ่อุปทานเกษตร ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกด้านภูมิสารสนเทศ (geospatial insights) สัญญาณเตือนความเสี่ยง และตัวชี้วัดการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน และการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้อย่างแท้จริง



EUDR Solutions KOLTIVA deforestation free

KoltiPay: บริการทางการเงินที่รับผิดชอบ เพื่อพื้นที่ชนบท

แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและบริการทางการเงินของ Koltiva ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจขนาดย่อม (MSMEs) เข้าถึง วอลเล็ตดิจิทัล เงินกู้ ประกันภัย และ เครื่องมือส่งเสริมความรู้ทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และยกระดับ การเข้าถึงบริการทางการเงิน


หนึ่งในช่วงที่น่าสนใจที่สุดในการบรรยายของคุณไอนู คือเรื่อง KoltiPay วอลเล็ตดิจิทัลของ Koltiva ที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา ได้แก่ FarmCloud, FarmGate, FarmRetail และ KoltiTrace โดยออกแบบมาเพื่อรองรับความเป็นจริงในพื้นที่ชนบท เช่น สาขาธนาคารที่จำกัด สัญญาณโทรศัพท์ไม่เสถียร และทักษะดิจิทัลที่ยังต่ำ

KoltiPay ช่วยให้ผู้มีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานในพื้นที่ชนบทสามารถ:


  • รับเงินแบบแยกจ่าย: เป็นเงินสดบางส่วน และวอลเล็ตดิจิทัลบางส่วน — เพื่อให้สามารถใช้จ่ายทันที และเริ่มออมได้ในเวลาเดียวกัน

  • ซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และปุ๋ยหมัก โดยใช้เงินในวอลเล็ต

  • สมัครสินเชื่อขนาดเล็ก (เช่น เงินกู้สำหรับปัจจัยการผลิตทางการเกษตร, e-loans, หรือระบบผ่อนจ่าย) ผ่านแอปได้โดยตรง

  • จ่ายบิลและเติมเงินมือถือ ด้วยบริการ PPOB ทั้งหมดจากปลายนิ้ว


คุณไอนูได้เล่าตัวอย่างจากจังหวัดสุลาเวสีใต้อย่างชัดเจนว่า เกษตรกรใช้ฟีเจอร์แยกจ่ายของ KoltiPay เพื่อรับมือกับช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยแบ่งเงินสดไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน และออมส่วนที่เหลือไว้ในวอลเล็ตดิจิทัลเพื่อใช้ในรอบการเพาะปลูกถัดไป


Sustainable farming, KoltiSkills, Capacity Building, Field Training and Advisory Arm

KoltiSkills: การพัฒนาทักษะ การฝึกอบรมภาคสนาม และหน่วยให้คำปรึกษา


KoltiSkills คือโซลูชันด้านการพัฒนาศักยภาพที่ให้บริการ การอบรม การโค้ชชิ่ง และการรับรอง สำหรับเกษตรกรรายย่อยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเกษตร โดยเน้นเรื่อง แนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืน (Sustainable Farming) แนวทางการเกษตรที่ดี (GAP) และ ความรู้ด้านดิจิทัล (Digital Literacy)


ผ่านแพลตฟอร์มนี้ Koltiva ได้เสริมศักยภาพให้เกษตรกรรายย่อยกว่า 1.9 ล้านรายในกว่า 65 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมอุตสาหกรรมโกโก้ กาแฟ น้ำมันปาล์ม ยางพารา สาหร่ายทะเล และมะพร้าว


คุณไอนูเน้นย้ำว่า เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอ — ความสำเร็จของระบบทั้งหมดเกิดจาก “การลงพื้นที่จริง” โดยเจ้าหน้าที่ภาคสนามของ Koltiva ซึ่งมีบทบาทสำคัญสองด้าน ได้แก่:

  • เก็บข้อมูลเกษตรกรและทำแผนที่แปลงเกษตร แม้ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต และอัปโหลดข้อมูลเมื่อสัญญาณกลับมา

  • ฝึกอบรมเกษตรกรให้ใช้งานแอปพลิเคชันและเครื่องมือทางการเงินของเรา


เจ้าหน้าที่ยังจัดฝึกอบรม GAP (Good Agricultural Practices) โดยแสดงให้เกษตรกรเห็นว่าระบบตรวจสอบย้อนกลับดิจิทัลสามารถเชื่อมโยงไปสู่ ผลผลิตที่สูงขึ้น ราคาที่ยุติธรรมขึ้น และ อำนาจต่อรองที่เข้มแข็งขึ้น ได้อย่างไร

ดังที่คุณไอนูกล่าวไว้: “มันไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่มันคือเรื่องของ ความไว้วางใจ


กรณีตัวอย่าง: จัดการความสอดคล้องกับกฎระเบียบ EUDR ด้วยข้อมูลและความแม่นยำ

หนึ่งในประเด็นเร่งด่วนที่สุดที่ธุรกิจการเกษตรกำลังเผชิญในปัจจุบัน คือการปฏิบัติตาม กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่าแห่งสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation - EUDR) ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องสามารถ พิสูจน์ได้ว่า สินค้าของตนไม่มีความเชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2020


สำหรับบริษัทที่จัดหาวัตถุดิบจากเกษตรกรรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่มักทำเกษตรในแปลงที่ไม่เป็นทางการและยังไม่ได้ขึ้นแผนที่ ข้อกำหนดนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก


Koltiva จึงมีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนทั้งภาคต้นน้ำและปลายน้ำในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EUDR โดยคุณไอนูได้อธิบายระหว่างงานเสวนาว่า เครื่องมือของ Koltiva สามารถช่วยในด้านต่อไปนี้:

  • ทำแผนที่ขอบเขตแปลงเกษตร โดยใช้ ภาพถ่ายดาวเทียม และ ข้อมูลเชิงพื้นที่ (geospatial data)

  • ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายของที่ดิน และวันที่มีการเคลียร์พื้นที่ป่า

  • บูรณาการข้อมูลเกษตรกร ประวัติการทำธุรกรรม และตัวชี้วัดด้านการปฏิบัติตามมาตรฐานทางสังคม

  • สร้างรายงาน Due Diligence Statement (DDS) ที่มีหลักฐานรองรับชัดเจน


แนวทางแบบบูรณาการนี้ช่วยให้ลูกค้าของ Koltiva ตั้งแต่ บริษัทข้ามชาติ สหกรณ์เกษตร ไปจนถึงผู้รวบรวมผลผลิต สามารถเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไปพร้อมกัน



เชื่อมช่องว่างระหว่างวิชาการกับภาคอุตสาหกรรม

อีกหนึ่งจุดเด่นของงาน Agribusiness Talk คือการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นของนักศึกษาและคณาจารย์จาก มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี (Universitas Panca Bhakti) ผู้ดำเนินรายการ ดร. Donna Youlla, S.P., MEM ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมผู้นำในอุตสาหกรรมเกษตรรุ่นใหม่ให้พร้อมด้วยความรู้ที่ลงมือปฏิบัติได้จริงในโลกของเกษตรกรรมดิจิทัล


การเข้าร่วมของ Koltiva ในงานนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการ สร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ในเมื่ออุตสาหกรรมการเกษตรกำลังก้าวสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ นักศึกษาจึงควรได้รับการเตรียมพร้อมไม่เพียงแต่ในด้านทฤษฎี แต่ยังรวมถึงประสบการณ์จริงในการใช้งานเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่


คุณไอนูปิดท้ายการบรรยายด้วยการเชิญชวนนักศึกษาให้ สำรวจโอกาสในสายอาชีพด้าน AgriTech พร้อมเน้นว่า “นวัตกรรม ความครอบคลุม และผลกระทบเชิงบวกต้องเดินไปด้วยกัน หากเราต้องการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับชุมชนเกษตรกร”


มองไปข้างหน้า: สร้างระบบอาหารที่ยืดหยุ่นไปด้วยกัน

ที่ Koltiva เราเชื่อว่า อนาคตของการเกษตรขึ้นอยู่กับ ความสามารถของเราที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบและครอบคลุม งานอย่าง AAI–PISAgro Agribusiness Talk มีบทบาทสำคัญในการสร้างเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และค้นหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน


เมื่อการตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นมาตรฐานระดับโลก Koltiva ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบ เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และการสนับสนุนภาคสนาม ที่จำเป็นต่อการทำให้ระบบนี้ใช้ได้ผลจริงสำหรับทุกคน — ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยไปจนถึงผู้ซื้อรายใหญ่ระดับโลก


เราขอขอบคุณผู้จัดงานที่เปิดโอกาสให้เราได้แบ่งปันเรื่องราว และหวังว่าจะได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนอนาคตของการเกษตรที่ยั่งยืนและตรวจสอบย้อนกลับได้


 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page