

5 วันที่ผ่านมายาว 2 นาที

เหตุใดระบบตรวจสอบย้อนกลับจึงมีความสำคัญการตรวจสอบย้อนกลับเป็นพื้นฐานของการเกษตรอย่างยั่งยืน ช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ลดความเสี่ยง เช่น การตัดไม้ทำลายป่าและการละเมิดสิทธิแรงงาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคด้วยความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร
ระบบนิเวศเทคโนโลยีของ Koltiva สำหรับธุรกิจเกษตรระบบดิจิทัลแบบบูรณาการของ Koltiva ที่มี KoltiTrace เป็นหัวใจหลัก สนับสนุนธุรกิจเกษตรและบรรษัทข้ามชาติด้วยการเก็บข้อมูลเรียลไทม์ แผนที่ภูมิสารสนเทศ การติดตามธุรกรรม และการรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด เครื่องมือนี้ช่วยให้บริษัทปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล เช่น ข้อกำหนด EUDR ยืนยันว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า และมีความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานอย่างลึกซึ้ง
เสริมพลังให้กับผู้มีส่วนร่วมในชนบทด้วย KoltiSkills และ KoltiPayKoltiva ผสานเทคโนโลยีกับบริการภาคสนาม KoltiSkills มอบการฝึกอบรมด้านการเกษตรอย่างยั่งยืนและความรู้ดิจิทัล ส่วน KoltiPay ให้เกษตรกรเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล สินเชื่อขนาดเล็ก และประกันภัย เพื่อเพิ่มรายได้และความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ
ในยุคเกษตรอาหารที่ซับซ้อนมากขึ้น การตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อความยั่งยืน การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการเสริมพลังให้เกษตรกร
ในวันที่ 28 มิถุนายน 2025 Ainu Rofiq ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการของ Koltiva ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์และประสบการณ์จริงในงาน AAI–PISAgro Agribusiness Talk ภายใต้หัวข้อ "การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร" ณ มหาวิทยาลัยปัญจะภักดิ์ โดยมีผู้เข้าร่วมจากแวดวงวิชาการ นักศึกษา และภาคอุตสาหกรรม
บทสรุปผู้บริหาร
เวทีความร่วมมือเพื่อเสริมความเข้มแข็งเกษตรยั่งยืน
ทำไมระบบตรวจสอบย้อนกลับจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
ระบบดิจิทัลของ Koltiva: เสริมพลังทั้งห่วงโซ่คุณค่า
KoltiTrace: ระบบตรวจสอบย้อนกลับแบบครบวงจร
KoltiPay: บริการการเงินเพื่อพื้นที่ชนบท
KoltiSkills: การพัฒนาองค์ความรู้และการฝึกอบรมภาคสนาม
กรณีศึกษา: การปฏิบัติตามข้อกำหนด EUDR ด้วยข้อมูลและความแม่นยำ
เชื่อมช่องว่างระหว่างภาควิชาการและอุตสาหกรรม
มุ่งสู่อนาคต: สร้างระบบอาหารที่ยืดหยุ่นไปด้วยกัน
ในโลกของอาหารและการเกษตรที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน ระบบการตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ — มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความยั่งยืน ความสอดคล้องตามข้อกำหนด และการเสริมพลังให้กับเกษตรกร
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2025 คุณไอนู รอฟิก ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท Koltiva ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์และประสบการณ์จริงจากภาคสนามของ Koltiva ในงานเสวนา AAI–PISAgro Agribusiness Talk ภายใต้หัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร” ซึ่งจัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเกษตรอินโดนีเซีย (AAI) และ PISAgro ณ มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี โดยเป็นงานรูปแบบไฮบริดที่รวบรวมทั้งนักวิชาการ นักศึกษา และผู้มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
งานเสวนานี้จัดขึ้นโดยสมาคมอุตสาหกรรมเกษตรอินโดนีเซีย (AAI) ร่วมกับเครือข่ายการเกษตรยั่งยืนแห่งอินโดนีเซีย (PISAgro) ภายใต้โครงการ Agribusiness Talk Series อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นกิจกรรมแบบไฮบริด จัดทั้งแบบออนไลน์และที่คณะเกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงแวดวงวิชาการกับภาคอุตสาหกรรม ผ่านการเชิญผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติงานจริงมาแบ่งปันประสบการณ์แก่กลุ่มนักศึกษาและผู้ประกอบการในภาคเกษตรกรรม
ภายใต้หัวข้อ “การใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร” (Pemanfaatan Teknologi Ketertelusuran dalam Pengembangan Industri Pertanian) งานเสวนานี้มุ่งเน้นที่แนวทางแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติที่ช่วยให้อุตสาหกรรมเกษตรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่นและผู้มีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทาน
ตัวแทนจาก Koltiva คือ คุณไอนู รอฟิก ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริษัท ซึ่งนำเสนอประสบการณ์กว่า 10 ปีในด้านการเกษตรอย่างยั่งยืน ระบบตรวจสอบย้อนกลับดิจิทัล และนวัตกรรมห่วงโซ่อุปทาน
ระบบการตรวจสอบย้อนกลับคือรากฐานของห่วงโซ่อุปทานการเกษตรที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น ช่วยให้สามารถติดตามสินค้าเกษตรทุกชนิด — ตั้งแต่เมล็ดกาแฟ ฝักโกโก้ ยางพารา ไปจนถึงน้ำมันปาล์ม — จากแหล่งกำเนิดในระดับแปลงเกษตร ไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง การมองเห็นข้อมูลแบบครบถ้วนนี้ช่วยให้องค์กรสามารถ:
ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
ส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและการค้าที่เป็นธรรม
ลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
เพิ่มผลผลิต คุณภาพ และรายได้ของเกษตรกร
ระบบการตรวจสอบย้อนกลับช่วยให้มีความโปร่งใสเต็มรูปแบบเกี่ยวกับ “ที่มา” และ “กระบวนการผลิต” ของสินค้าเกษตรจากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการปฏิบัติตามข้อกำหนดระหว่างประเทศ เช่น กฎระเบียบด้านการตัดไม้ทำลายป่าแห่งสหภาพยุโรป (EUDR) และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคที่ต้องการความโปร่งใส
เมื่อฝังระบบตรวจสอบย้อนกลับไว้ในห่วงโซ่คุณค่าทางการเกษตร องค์กรสามารถ:
รับรองการปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน
แสดงความมุ่งมั่นในการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม พร้อมลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน เช่น แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ การเลือกปฏิบัติทางเพศ ค่าจ้างที่ไม่เป็นธรรม สภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย การละเมิดสิทธิในที่ดิน การไม่ขอความยินยอมอย่างมีข้อมูล แรงงานข้ามชาติ เป็นต้น
เพิ่มความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานต่อความเสี่ยง เช่น การตัดไม้ทำลายป่า ข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ การฉ้อโกงในสินค้าเกษตร การปะปนของผลิตภัณฑ์ การจำกัดการเข้าถึงตลาด และความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ
ยกระดับคุณภาพสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และสร้างรายได้ที่ดีขึ้นให้กับผู้ผลิต
ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ เช่น กฎระเบียบ EUDR ของสหภาพยุโรป

คุณไอนูเน้นย้ำว่า ระบบการตรวจสอบย้อนกลับไม่ใช่เพียงเครื่องมือเพื่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดเท่านั้น — แต่เป็นเส้นทางสู่การสร้าง ความไว้วางใจ การส่งเสริม การค้าที่เป็นธรรม และการเปิด โอกาสการเข้าถึงตลาด ให้กับเกษตรกร
ในช่วงนำเสนอของเขา คุณไอนูได้อธิบายว่า ชุดเทคโนโลยีแบบบูรณาการของ Koltiva ทั้งในรูปแบบซอฟต์แวร์และภาคสนาม สามารถช่วยให้ธุรกิจและเกษตรกรมีเครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ครอบคลุมทุกภาคส่วน และ โปร่งใส
คุณไอนูเริ่มต้นด้วยการอธิบายว่า KoltiTrace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตรวจสอบย้อนกลับหลักของ Koltiva ช่วยเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเกษตรจากระบบเอกสารแบบเดิมไปสู่ความโปร่งใสดิจิทัลอย่างไร ด้วยการผสมผสานระหว่างเครื่องมือบนมือถือและเว็บไซต์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ลงพื้นที่จริง Koltiva ได้ทำการขึ้นทะเบียนเกษตรกรแล้วกว่า 1.9 ล้านรายใน 65 ประเทศ โดยมีมากกว่า 542,000 รายในประเทศอินโดนีเซียเพียงประเทศเดียว
ฟาร์มที่ถูกบันทึกไว้นี้ไม่ได้เพียงแค่เก็บข้อมูลในระบบเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับประวัติการทำธุรกรรม ข้อมูลคุณภาพสินค้า และแปลงเกษตรที่มีพิกัดภูมิศาสตร์อย่างแม่นยำ สิ่งนี้ช่วยสนับสนุนผู้ซื้อระหว่างประเทศและสหกรณ์ท้องถิ่นในการพิสูจน์แหล่งวัตถุดิบที่ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป และสามารถตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตคุณภาพสูงไปยังเกษตรกรที่มีความรับผิดชอบได้โดยตรง
นี่คือความโปร่งใสที่เชื่อถือได้ — และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเอง
หัวใจสำคัญของระบบนิเวศดิจิทัลของ KOLTIVA คือ KoltiTrace แพลตฟอร์มตรวจสอบย้อนกลับเรือธงของเรา ซึ่งถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อแปลงกระบวนการจัดการข้อมูลในห่วงโซ่อุปทานการเกษตรจากระบบกระดาษแบบกระจัดกระจายให้เป็นข้อมูลดิจิทัลแบบเรียลไทม์ที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร
ด้วย KoltiTrace เราได้:
ทำแผนที่เกษตรกรกว่า 1.9 ล้านรายใน 65 ประเทศ รวมถึง มากกว่า 542,000 รายในอินโดนีเซีย
เก็บข้อมูลละเอียดเกี่ยวกับ แปลงเกษตร ประวัติการทำธุรกรรม คุณภาพของผลผลิต และ พิกัดภูมิศาสตร์
เชื่อมโยงแต่ละแปลงกับ โปรไฟล์เกษตรกรรายบุคคล ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับในระดับแปลงเกษตรได้
สิ่งที่ทำให้ KoltiTrace โดดเด่นไม่ใช่แค่ ขนาดของข้อมูล แต่คือ ความลึก และ ความน่าเชื่อถือที่ตรวจสอบได้ ของข้อมูลเหล่านั้น ด้วยการผสานการใช้ เทคโนโลยีตรวจจับระยะไกล (Remote Sensing) แอปภาคสนามบนมือถือ และ การตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ KoltiTrace ช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลทุกจุด — ไม่ว่าจะเป็น ฝักโกโก้ ยางก้อน หรือ ทะลายปาล์มน้ำมัน — กลับไปยังแหล่งที่มาได้อย่างมั่นใจ
คุณไอนูได้ยกตัวอย่างที่ชัดเจนและน่าประทับใจว่า ระบบตรวจสอบย้อนกลับนี้สามารถสนับสนุน ผู้ประกอบการเกษตร ธุรกิจท้องถิ่น บริษัทข้ามชาติ (MNC) โรงงานแปรรูป ซัพพลายเออร์ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ซื้อ และ สหกรณ์ อย่างไร ในการตรวจสอบแหล่งที่มาของวัตถุดิบว่า ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบตามกระบวนการ (due diligence) และสร้าง ความไว้วางใจ กับตลาดปลายน้ำและผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม
“ฟาร์มที่เราทำแผนที่ไว้ ไม่ใช่แค่จุดข้อมูลในระบบ” คุณไอนูกล่าว “แต่มันคือหลักฐานที่มีชีวิตของการทำเกษตรอย่างมีความรับผิดชอบ ความโปร่งใสที่คุณไว้วางใจได้ — และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้จริง”
KoltiTrace ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการติดตาม แต่เป็นเครื่องมือ เสริมพลัง ให้กับห่วงโซ่อุปทานเกษตร ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกด้านภูมิสารสนเทศ (geospatial insights) สัญญาณเตือนความเสี่ยง และตัวชี้วัดการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญในการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน และการสร้างผลกระทบที่วัดผลได้อย่างแท้จริง
แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและบริการทางการเงินของ Koltiva ช่วยให้เกษตรกรและธุรกิจขนาดย่อม (MSMEs) เข้าถึง วอลเล็ตดิจิทัล เงินกู้ ประกันภัย และ เครื่องมือส่งเสริมความรู้ทางการเงิน เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และยกระดับ การเข้าถึงบริการทางการเงิน
หนึ่งในช่วงที่น่าสนใจที่สุดในการบรรยายของคุณไอนู คือเรื่อง KoltiPay วอลเล็ตดิจิทัลของ Koltiva ที่ฝังอยู่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา ได้แก่ FarmCloud, FarmGate, FarmRetail และ KoltiTrace โดยออกแบบมาเพื่อรองรับความเป็นจริงในพื้นที่ชนบท เช่น สาขาธนาคารที่จำกัด สัญญาณโทรศัพท์ไม่เสถียร และทักษะดิจิทัลที่ยังต่ำ
KoltiPay ช่วยให้ผู้มีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานในพื้นที่ชนบทสามารถ:
รับเงินแบบแยกจ่าย: เป็นเงินสดบางส่วน และวอลเล็ตดิจิทัลบางส่วน — เพื่อให้สามารถใช้จ่ายทันที และเริ่มออมได้ในเวลาเดียวกัน
ซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และปุ๋ยหมัก โดยใช้เงินในวอลเล็ต
สมัครสินเชื่อขนาดเล็ก (เช่น เงินกู้สำหรับปัจจัยการผลิตทางการเกษตร, e-loans, หรือระบบผ่อนจ่าย) ผ่านแอปได้โดยตรง
จ่ายบิลและเติมเงินมือถือ ด้วยบริการ PPOB ทั้งหมดจากปลายนิ้ว
คุณไอนูได้เล่าตัวอย่างจากจังหวัดสุลาเวสีใต้อย่างชัดเจนว่า เกษตรกรใช้ฟีเจอร์แยกจ่ายของ KoltiPay เพื่อรับมือกับช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยแบ่งเงินสดไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน และออมส่วนที่เหลือไว้ในวอลเล็ตดิจิทัลเพื่อใช้ในรอบการเพาะปลูกถัดไป

KoltiSkills คือโซลูชันด้านการพัฒนาศักยภาพที่ให้บริการ การอบรม การโค้ชชิ่ง และการรับรอง สำหรับเกษตรกรรายย่อยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเกษตร โดยเน้นเรื่อง แนวปฏิบัติด้านการเกษตรที่ยั่งยืน (Sustainable Farming) แนวทางการเกษตรที่ดี (GAP) และ ความรู้ด้านดิจิทัล (Digital Literacy)
ผ่านแพลตฟอร์มนี้ Koltiva ได้เสริมศักยภาพให้เกษตรกรรายย่อยกว่า 1.9 ล้านรายในกว่า 65 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมอุตสาหกรรมโกโก้ กาแฟ น้ำมันปาล์ม ยางพารา สาหร่ายทะเล และมะพร้าว
คุณไอนูเน้นย้ำว่า เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่เพียงพอ — ความสำเร็จของระบบทั้งหมดเกิดจาก “การลงพื้นที่จริง” โดยเจ้าหน้าที่ภาคสนามของ Koltiva ซึ่งมีบทบาทสำคัญสองด้าน ได้แก่:
เก็บข้อมูลเกษตรกรและทำแผนที่แปลงเกษตร แม้ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต และอัปโหลดข้อมูลเมื่อสัญญาณกลับมา
ฝึกอบรมเกษตรกรให้ใช้งานแอปพลิเคชันและเครื่องมือทางการเงินของเรา
เจ้าหน้าที่ยังจัดฝึกอบรม GAP (Good Agricultural Practices) โดยแสดงให้เกษตรกรเห็นว่าระบบตรวจสอบย้อนกลับดิจิทัลสามารถเชื่อมโยงไปสู่ ผลผลิตที่สูงขึ้น ราคาที่ยุติธรรมขึ้น และ อำนาจต่อรองที่เข้มแข็งขึ้น ได้อย่างไร
ดังที่คุณไอนูกล่าวไว้: “มันไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี — แต่มันคือเรื่องของ ความไว้วางใจ”
หนึ่งในประเด็นเร่งด่วนที่สุดที่ธุรกิจการเกษตรกำลังเผชิญในปัจจุบัน คือการปฏิบัติตาม กฎระเบียบการตัดไม้ทำลายป่าแห่งสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation - EUDR) ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องสามารถ พิสูจน์ได้ว่า สินค้าของตนไม่มีความเชื่อมโยงกับการตัดไม้ทำลายป่าหลังวันที่ 31 ธันวาคม 2020
สำหรับบริษัทที่จัดหาวัตถุดิบจากเกษตรกรรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่มักทำเกษตรในแปลงที่ไม่เป็นทางการและยังไม่ได้ขึ้นแผนที่ ข้อกำหนดนี้ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก
Koltiva จึงมีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนทั้งภาคต้นน้ำและปลายน้ำในการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ EUDR โดยคุณไอนูได้อธิบายระหว่างงานเสวนาว่า เครื่องมือของ Koltiva สามารถช่วยในด้านต่อไปนี้:
ทำแผนที่ขอบเขตแปลงเกษตร โดยใช้ ภาพถ่ายดาวเทียม และ ข้อมูลเชิงพื้นที่ (geospatial data)
ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายของที่ดิน และวันที่มีการเคลียร์พื้นที่ป่า
บูรณาการข้อมูลเกษตรกร ประวัติการทำธุรกรรม และตัวชี้วัดด้านการปฏิบัติตามมาตรฐานทางสังคม
สร้างรายงาน Due Diligence Statement (DDS) ที่มีหลักฐานรองรับชัดเจน
แนวทางแบบบูรณาการนี้ช่วยให้ลูกค้าของ Koltiva ตั้งแต่ บริษัทข้ามชาติ สหกรณ์เกษตร ไปจนถึงผู้รวบรวมผลผลิต สามารถเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรปได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไปพร้อมกัน
อีกหนึ่งจุดเด่นของงาน Agribusiness Talk คือการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นของนักศึกษาและคณาจารย์จาก มหาวิทยาลัยปัญจะภักดี (Universitas Panca Bhakti) ผู้ดำเนินรายการ ดร. Donna Youlla, S.P., MEM ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเตรียมผู้นำในอุตสาหกรรมเกษตรรุ่นใหม่ให้พร้อมด้วยความรู้ที่ลงมือปฏิบัติได้จริงในโลกของเกษตรกรรมดิจิทัล
การเข้าร่วมของ Koltiva ในงานนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของการ สร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ในเมื่ออุตสาหกรรมการเกษตรกำลังก้าวสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ นักศึกษาจึงควรได้รับการเตรียมพร้อมไม่เพียงแต่ในด้านทฤษฎี แต่ยังรวมถึงประสบการณ์จริงในการใช้งานเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่
คุณไอนูปิดท้ายการบรรยายด้วยการเชิญชวนนักศึกษาให้ สำรวจโอกาสในสายอาชีพด้าน AgriTech พร้อมเน้นว่า “นวัตกรรม ความครอบคลุม และผลกระทบเชิงบวกต้องเดินไปด้วยกัน หากเราต้องการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับชุมชนเกษตรกร”
ที่ Koltiva เราเชื่อว่า อนาคตของการเกษตรขึ้นอยู่กับ ความสามารถของเราที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างมีความรับผิดชอบและครอบคลุม งานอย่าง AAI–PISAgro Agribusiness Talk มีบทบาทสำคัญในการสร้างเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และค้นหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
เมื่อการตรวจสอบย้อนกลับกลายเป็นมาตรฐานระดับโลก Koltiva ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบ เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และการสนับสนุนภาคสนาม ที่จำเป็นต่อการทำให้ระบบนี้ใช้ได้ผลจริงสำหรับทุกคน — ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยไปจนถึงผู้ซื้อรายใหญ่ระดับโลก
เราขอขอบคุณผู้จัดงานที่เปิดโอกาสให้เราได้แบ่งปันเรื่องราว และหวังว่าจะได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนอนาคตของการเกษตรที่ยั่งยืนและตรวจสอบย้อนกลับได้
ความคิดเห็น