

21 ชั่วโมงที่ผ่านมายาว 2 นาที
บทความนี้ได้รับการดัดแปลงจาก:
https://www.metrotvnews.com/read/NgxCD1dG-indonesia-bangun-masa-depan-akuakultur-berkelanjutan-lewat-petambak
https://m.antaranews.com/amp/berita/4982005/aquarev-bantu-petambak-kecil-tingkatkan-produksi-udang-berkelanjutan
https://momsmoney.kontan.co.id/news/aquarev-bangun-ekosistem-tambak-yang-ramah-lingkungan-1
อุตสาหกรรมกุ้งของอินโดนีเซียมีบทบาทสำคัญต่อการจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของโลก อย่างไรก็ตาม การผลิตส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาเกษตรกรรายย่อยแบบดั้งเดิม ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงระบบ ทั้งการเข้าถึงเงินทุนและความรู้ที่จำกัด ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการขาดความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน เมื่อความต้องการของตลาดโลกเริ่มเน้นสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืนและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ อินโดนีเซียจึงอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญที่เทคโนโลยีและความร่วมมือจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืนสำหรับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
Aquarev องค์กรเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงกุ้ง กำลังทำงานโดยตรงกับเกษตรกรรายย่อยในจังหวัดสุมาตราตอนใต้ ลัมปุง และพื้นที่อื่นๆ ของอินโดนีเซีย เป้าหมายของพวกเขาคือการปรับปรุงฟาร์มกุ้งนับพันเฮกตาร์ โดยนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงที่ยั่งยืนและเพิ่มผลผลิตในระยะยาว พร้อมทั้งฟื้นฟูสภาพแวดล้อม เช่น การฟื้นฟูพื้นที่เลี้ยงที่เสื่อมโทรม การอนุรักษ์ป่าชายเลน และการฝึกอบรมเกษตรกรด้านคุณภาพน้ำและการให้อาหารอย่างเหมาะสม
Aquarev ยังดำเนินโครงการริเริ่มที่มุ่งเน้นความยั่งยืนหลายโครงการ เช่น โครงการรับรองมาตรฐาน Aquaculture Stewardship Council (ASC) การส่งเสริมโครงการ Blue Carbon ที่รวมการอนุรักษ์ป่าชายเลนเข้ากับการผลิต และการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในฟาร์มเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
“เรามองว่าความสำเร็จของฟาร์มไม่ได้วัดแค่ผลผลิต แต่คือการที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และสร้างพลังทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน” เรตโน นูราอินี หัวหน้าฝ่ายความร่วมมือของ Aquarev กล่าว
เพื่อให้ความพยายามเหล่านี้สามารถขยายผลได้ Aquarev ได้ร่วมมือกับ KOLTIVA บริษัทเทคโนโลยีเกษตรจากอินโดนีเซียและสวิตเซอร์แลนด์ โดยสนับสนุนระบบดิจิทัลแบบครบวงจร เช่น KoltiTrace MIS สำหรับการเก็บข้อมูลฟาร์ม ระบบติดตามผลการผลิต และการสร้างความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน
KOLTIVA ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเงินทุน โดยใช้ KoltiPay ในการจัดการกระบวนการขอสินเชื่อ การเบิกจ่าย และการชำระเงินอย่างเป็นระบบ เกษตรกรสามารถขอสินเชื่อแบบกลุ่ม และชำระคืนผ่านผลผลิตที่ขายได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน ขณะเดียวกัน KOLTIVA ยังให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึง Aquarev ในการประเมินความเสี่ยง ประสิทธิภาพ และกระบวนการตัดสินใจ
ผลลัพธ์ของความร่วมมือนี้เริ่มปรากฏในพื้นที่ เกษตรกรรายงานว่าผลผลิตดีขึ้น ความเสี่ยงลดลง และมีความเข้าใจในหลักปฏิบัติที่ยั่งยืนมากขึ้น ส่วนสถาบันการเงินก็มีความมั่นใจมากขึ้นจากข้อมูลการชำระเงินและประสิทธิภาพที่โปร่งใส
ด้วยการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับการสนับสนุนในพื้นที่ ความร่วมมือระหว่าง Aquarev และ KOLTIVA กำลังกลายเป็นต้นแบบของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ยั่งยืน ซึ่งเชื่อมโยงเกษตรกรรายย่อยกับเครื่องมือและแหล่งเงินทุนที่จำเป็น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคม และแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปได้—และได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความคิดเห็น